ดู How I Became a Superhero (2021)

ดู How I Became a Superhero (2021)

ดู How I Became a Superhero (2021)

ดู How I Became a Superhero (2021) ความแปลกใหม่ของเรื่องคือนักแสดงหลักมิได้เป็นซูเปอร์ฮีโร่แม้กระนั้นเป็นตำรวจปกติที่ไม่มีพลังยอดเยี่ยมที่พากเพียรไปกับการตามล่ากล่าวโทษจริง รวมทั้งทำคดีไปเรื่อยโดยซูเปอร์วีรบุรุษในเรื่องไม่ได้เป็นตัวดีแบบหนังเรื่องอื่น แต่ว่าเป็นตัวร้ายที่หนังหลายเรื่องก็น่าจะเคยทำ แม้กระนั้นนี่เป็นหนังสอบปากคำใส่ความจริงครึ่งๆซูเปอร์วีรบุรุษ ตัวป่วนของเรื่องก็เลยเป็นเด็กมีปัญหาที่ใช้พลังอันเกินขีดกำจัดสร้างปัญหาวุ่นวาย ปฏิบัติงานต่างๆที่เขาทำโดยใช้ความฉลาดโดยไม่จำเป็นที่จะต้องใช้พลังแต่สามารถไขปัญหาแม้ว่าเขาจะได้ปะทะกับวีรบุรุษกลุ่มนี้โดยตรง รีวิว How I Became a Superhero (2021) พร้อมๆกับยอดสายสืบหญิงที่แม้บทจะดูเป็นตัวละครสนับสนุนแต่ว่าก็มีประโยชน์ในแง่ของความฉลาดในการช่วยตัวเอกตามหาเบาะแส แล้วก็ช่วยเหลือในสถานการณ์ยามคับขัน มีซีนรักโรแมนติกที่สวยงามให้ได้เห็นว่าทั้งสองคนค่อยๆรักกันได้อย่างไร สลับการเล่าปัญหาของเยาวชนที่คึกคะนอง ที่อยากเล่นสนุกสนานจนถึงลืมคิดถึงตนเองที่ก่อให้เกิดภัยต่อตัวเองรวมทั้งคนรอบข้าง แม้แต่ผู้แสดงซูเปอร์ฮีโร่ที่เดี๋ยวนี้แฝงอยู่ในโลกโดยการทำตัวเป็นคนธรรมดาที่ดูผิดปกติสักเท่าไหร่ แต่ก็รอช่วยเหลือแล้วก็โชว์พลังที่ดีเลิศให้พวกเราเห็น บทสำหรับพูดของตัวละครนั้นมีความชอบธรรมชาติ ไม่ดูเป็นบทที่เน้นเอาหรู จริงจัง ดูเป็นแบบที่คนสามัญจะพูดขัดจังหวะด้วยฉากขบขันๆผ่านความประพฤติปฏิบัติของนักแสดงอีกทั้งฝั่งมนุษย์แล้วก็ซูเปอร์วีรบุรุษที่ตัวร้ายเอง

เปิด Netflix มารีวิว How I Became A Superhero ซูเปอร์วีรบุรุษดินแดนน้ำหอมกับปัญหาด้านสังคม

เมื่อเป็นหนัง (แล้วก็วรรณกรรม) สัญชาติประเทศฝรั่งเศส สิ่งที่ปรากฏอยู่ในเรื่องราวของ How I Became A Superhero จึงมีการวิจารณ์ระบอบสังคมของประเทศตนเอง ด้วยเหตุนี้ในตอนแรกของหนังก็เลยเชื่องช้าจนถึงบรรดาคอหนังแอ็คชั่นอาจจะมีการเกิดอาการเบื่อและก็เผลอหลับไปก่อนที่ความรื่นเริงใจจะเริ่มขึ้นในช่วงช่วงหลังของเรื่อง การเริ่มต้นของหนังหัวข้อนี้โฟกัสไปนายตำรวจอย่างมอโร

ที่พากเพียรสืบสาวไปยังตัวการของสารเสพติดที่แพร่ระบาดในหมู่วัยรุ่นประเทศฝรั่งเศส ดำเนินการการสืบคดีคราวนี้ทำให้มอโรจำต้องประสานมือกับสายสืบหญิง (ที่ช่วงแรกเขาเสมือนจะไม่ถูกชะตานัก) เพื่อคลี่คลายปะติดปะต่อสถานะการณ์ที่เกิดขึ้นกลางทางพวกเราจะได้มีความเห็นว่า การที่คนปกติสามารถมีพลังพิเศษด้วยการซื้อ “สารเสพย์ติด” ที่ช่วยเพิ่มพลังให้ตัวเองสามารถมีอานุภาพมากกว่านั้น

พวกเราจะได้เห็นเคสวัยรุ่นในสถานศึกษาที่เคยโดนบรรดาขาโจ๋แกล้งทำร้าย (บูลลี่) ตัดสินใจใช้ยาดังที่กล่าวถึงมาแล้วเพื่อให้ตัวเองสามารถปล่อยพลังไฟจากมือได้ จำนองมาซึ่งความยุ่งเหยิงอลหม่านกระทั่งตำรวจจำเป็นต้องเข้ามายั้งเหตุการณ์ในครั้งนี้ไม่ให้เปลี่ยนเป็นเรื่องเศร้า ได้ทำให้ผู้ชมได้มีความคิดเห็นว่า ไม่ใช่ว่าการมีพลังพิเศษนั้นจะเป็นเรื่องที่ดีเลิศเสมอไป แต่ว่าต้องอยู่ภายใต้การทำความรู้ความเข้าใจ

ตระหนักถึงพลังที่ตนเองมีและก็ใช้อย่างเหมาะควรที่น่าสนใจมากกว่านั้นเป็น How I Became A Superhero เป็นผลหน้าที่การงานควบคุมภาพยนตร์เรื่องแรกของดักลาส แอททัล ซึ่งเขาสามารถเล่าเรื่องราวได้อย่างพอดี ตัวละครดูมีเลือดเนื้อ สมจริงสมจังสัมผัสได้ แล้วก็เหมือนผู้ชมจะสามารถทำความเข้าใจจักรวาลที่นักแสดงในเรื่องดำรงอยู่ได้อย่างแนบเนียนกล่าวโดยรวมแล้ว How I Became A Superhero

นับว่าเป็นหนังที่พูดถึงใจความสำคัญทางด้านสังคมในแง่มุมต่างๆเป็นต้นว่า ความรุนแรงในเด็กและเยาวชนนำมาซึ่งอะไรบ้าง ปัญหาสารเสพติดกระทบต่อระบบรูปแบบทางสังคมเช่นไร การเติบโตของประชาชนที่ผันตนเองไปเป็นอาชญากรส่งผลมาจากอะไร ดู How I Became a Superhero (2021) เพราะเหตุใดตำรวจสักคนหนึ่งถึงจำต้องยอมอุทิศตัวเสี่ยงอันตรายไปทำคดีเสี่ยงตาย เมื่อหลอมรวมประเด็นเหล่านี้เข้าด้วยกัน เราจะได้เห็นหนังดราม่าสะท้อนสังคมที่มีซูเปอร์วีรบุรุษยังอยู่ในจักรวาลนี้ภายใต้ การปกครองที่ราษฎรทุกคนยังคงอยู่ใต้การจัดการงานของภาครัฐที่ยึดโยงกันอย่างเป็นเหตุได้ผลสำเร็จ และไม่มีใครกันแน่สามารถประพฤติตัวอยู่เหนือกฎหมายได้ถึงแม้ตนเองจะมีพลังพิเศษเยอะแค่ไหนก็ตาม

รีวิว The Gentlemen – สุภาพบุรุษมาหากัญเครดิตขึ้นยังยิ้มไม่หุบอย่างยิ่งจริงๆ

ยิ้มให้ในความเจ๋งของบท ความยอดเยี่ยมของดารา เนื้อเรื่องที่เดามิได้ และความมีสไตล์ของหนังเรื่องนี้ นี่เป็น The Gentlemen กับกราบจิตใจคนคิดชื่อไทยจริงๆสุภาพบุรุษมาหากัญ เรื่องราวของเจ้าพ่อกัญชาที่เกาะอังกฤษ ที่พร้อมจะวางมือเพราะถึงจุดอิ่มตัวอยากไปดำรงชีวิตกับลูกๆรวมทั้งจะขายอาณาจักรนี้ แม้กระนั้นเมื่อข่าวสารหลุดออกไป จึงกำเนิดเป็นเรื่องวุ่นๆศึกฉกชิงอาณาจักรกัญชานี้ The Gentlemen

เป็นผลงานลำดับที่ 11 ของ Guy Ritchie ที่กลับมาทำกำกับแล้วก็เขียนบทงานที่ถนัดอีกรอบ ภายหลังที่หลุดแนวไปซะหน่อยใน Aladdin (2019) เอาจริงๆเรื่องนั้นหากไม่บอกว่า Guy Ritchie เราไม่รู้เลยจริงๆแต่ว่าครั้งนี้เขากลับมาทำหนังแนวอาชญากรรม หักเหลี่ยม เชือดคม ราวกับผลงานแจ้งกำเนิดของเขาอย่าง Lock, Stock and Two Smoking Barrels (1998), Snatch (2000) ถ้าเกิดผู้ใดกันแน่เคยมอง

ก็จะเข้าดวงใจว่า The Gentlemen เป็นอย่างไร เนื่องจากมันเป็นแนวแบบงั้นล่ะ มาเริ่มกันที่ความน่าดึงดูดใจแรกของหนังเลย กับตัวละคร เป็นถ้าหากตัดชื่อผู้กำกับ แนวหนัง เรื่องราวออกไป เพียงแค่ผู้แสดงก็ต้องการดูแล้ว มีทั้ง Matthew McConaughey, Charlie Hunnam, Michelle Dockery, Jeremy Strong, Colin Farrell, Henry Golding และก็ Hugh Grant หนังมีคาแรคเตอร์แต่ละผู้แสดงที่กระจ่างมาก

บทเปิดตัวของแต่ละคนยิ่งการันตี แล้วก็เป็นเครื่องบ่งบอกความเป็นตัวตนของแต่ละคนได้เป็นอย่างดี แถมยังมีการแบ่งบทที่ดีอีกต่างหาก อีกอย่างคือความมีสไตล์ การแต่งตัวของตัวละครที่หรูชะมัด คือแต่ละคนราวกับเดินแฟชั่นวีคยังไงแบบนั้นหนังเดินเรื่องตามสไตล์ของ Guy Ritchie เลย โดยประเด็นนี้จะเป็นการดำเนินเรื่องผ่านการบอกกล่าวของ Fletcher (Hugh Grant) ที่พากเพียรจะแบลคเมล Mickey Pearson (Matthew McConaughey) เจ้าพ่อกัญชา

โดยการคุยกันผ่านทาง Ray (Charlie Hunnam) ซึ่งบทสำหรับพูดนั้นเต็มไปด้วยความฮา ความยียวนกวนโอ๊ย แบบเล่าๆอยู่ปวดฉี่ขอไปเข้าห้องสุขางี้ รวมทั้งยังมีเชิงชั้นสำหรับเพื่อการเล่าที่รู้เรื่องไม่ยาก แต่ว่าเบิกบานชะมัด คือไม่ได้คิดตามจนกระทั่งจำต้องปวดศีรษะ แต่ก็ไม่ได้ง่ายจนทายใจออก อ๋อ จะต้องบอกไว้ก่อนว่าบทพูดหัวข้อนี้เยอะแยะ ถือเป็นเรื่องที่เยอะที่สุดในบันดาหนังของ Guy Ritchie เลยก็ว่าได้

คือมีบทพูดทุกวินาทีเลยว่างั้นเถิด ตัวบทเองมีการหักเหลี่ยมเชือดคม คนนั้นคนนี้เข้ามาเกี่ยวเนื่อง และทุกส่วน ทุกสถานะการณ์ มีแม้กระนั้นเรื่องสนุกๆทั้งนั้น สรุปแล้วมันเป็นหนังสไตล์ Guy Ritchie ที่คุ้นเคย มีอีกทั้งความสนุก สำราญใจ ขำขันร้าย ฮา เท่ มีสไตล์ ดู How I Became a Superhero (2021) บทสนทนากวนๆเป็นถ้าหากคุณไม่เคยติดตามผลงานของเขา คุณจะรู้จักเขา รับประกันว่าตลอดแทบ 2 ชั่วโมง คุณจะได้รับความเพลิดเพลินเต็มที่แน่ๆ

ปล. จะกล่าวหาอวยก็ได้นะ เพราะเหตุว่า Guy Ritchie คือผู้กำกับคนโปรดของพวกเรา เรื่องที่ผ่านมาอย่าง Aladdin พวกเราก็ไม่ชอบนะ ก่อนหน้านั้น King Arthur ก็ใช้ได้แม้กระนั้นก็ไม่ถึงกับขนาดเรื่องนี้ 555 แต่เรื่องนี้มันสนุก สำราญใจรวมทั้งถูกจริตพวกเราจริงๆทดลองไปสัมผัสด้วยตัวคุณเองดีมากกว่า ปล. 2 ที่คะแนนหายไปนิดเดียวเพราะมีช่วงท้ายของหนังเราสงสัยบางสิ่งเล็กน้อย (บอกไม่ได้ประเดี๋ยวสปอยล์)

เปิด Netflix มารีวิว Aftermath บ้านใหม่ บ้านแตก บ้านผีสิง?

Aftermath ผลงานการควบคุมของปีเตอร์ วินเทอร์ส ส่งตรงฉายทางสตรีมมิ่ง Netflix เล่าเรื่องราวของทุ่งนาตาลี ดาดิช (แอชลีย์ กรีเน่) ดีไซเนอร์ไฟแรงที่ตัดสินใจดำเนินชีวิตคู่ร่วมกับเควิน ดาริช (ชอว์น แอดูอร์) แฟนหนุ่มผู้ทำงานพาร์ทไทม์เป็นคนทำความสะอาดบ้านที่เคยกำเนิดอาชญากรรมพร้อมทั้งเรียนต่อไปพร้อมเพียงกันทั้งคู่คนได้ตกลงใจย้ายเข้ามาอยู่บ้านสุดโมเดิร์นภายหลังที่ผู้ครอบครองเก่าตัดสินใจขายต่อ

โดยบ้านหลังนี้เคยมีประวัติคนเสียชีวิตในบ้าน และพบว่ากล้องวงจรปิดทุกตัวเกิดเสียพร้อมกันในวันที่เกิดเหตุ แต่ด้วยราคาที่ล่อตาล่อดวงใจประกอบกับความครบครันของบ้านที่นอกเหนือจากการที่จะมองสวยนำสมัย มีสระว่ายน้ำ ห้องต่างๆแบบออกเป็นสัดเป็นส่วนทำให้เควินตกลงใจที่จะผ่อนบ้านหลังนี้โดยเฉยเมยกับประวัติความเป็นมาแน่ๆว่าเมื่อมันเป็นหนังสยองขวัญ ตัวละครเหล่านี้มักจะไม่เคยหลาบจำว่าสถานที่ใดก็ตามที่เคยมีประวัติน่าสะพรึงกลัว

หรือ ราคาถูกกระทั่งไม่ดีเหมือนปกตินั้นชอบมีอะไรที่ไม่ชอบมาพากลตามมาเป็นของแถมหลังจากย้ายเข้าไปอยู่เสมอ ซึ่งนักแสดงที่มักจะเจอเหตุที่ชวนขันลุกชอบเป็นตัวละครหญิง ที่กลายเป็นบ้าอยู่ตามลำพังคนเดียว เมื่อเธอพากเพียรจะชี้แจงการเกิดที่เกิดขึ้นให้กับคนใกล้ตัวได้ฟังจนกระทั่งในที่สุดแล้ว เธอบางทีก็อาจจะกลายเป็นบ้าอยู่เพียงลำพังหัวข้อเป็น Aftermath เป็นหนังสยองขวัญในหมวดบ้านผีสิงที่มาพร้อมทั้งการเกิดประหลาดที่หาคำตอบไม่ได้อาทิเช่น

ประตูในบ้านกำเนิดเปิดและก็ปิดเอง ดู How I Became a Superhero (2021) ข้าวของสามารถเขยื้อนได้ทั้งๆที่ไม่มีใครอยู่ และก็ยังรวมทั้งเสียงคนอยู่ในบ้านในขณะที่มีคนอยู่ในบ้านแค่เพียงสองคน และยังรวมไปถึงหนังสือลามกที่ถูกสั่งซื้อมาอย่างปัญหา แต่เมื่อเรื่องดำเนินไปเรื่อยหนังได้เริ่มเปิดเผยให้ผู้ชมมีความคิดเห็นว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นตกลงแล้วเป็นอาการประสาทหลอน ผีสาง หรือเป็นอะไรกันแน่การนำเสนอเรื่องราวอันแสนซ้ำซากจำเจที่คนชอบดูหนังสยองขวัญเคยมองมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนใน Aftermath บางทีก็อาจจะไม่ใช่ปัญหาหลัก

เนื่องจากว่าในส่วนนี้หนังยังคงสร้างความตื่นเต้นกระตุ้นอารมณ์ได้กำลังพอเหมาะพอดี แม้กระนั้นการปูเรื่อง วกไปพูดประเด็นนั้นประเด็นนี้ (ซึ่งสามารถลดออกได้) จนกระทั่งทำให้หนังมีความยาวถึง 1 ชั่วโมง 54 นาที ทั้งที่มันสามารถรวบรัดตัดตอนให้หนังสั้นกระชับมากยิ่งกว่านี้ เปลี่ยนเป็นจุดบอดประการสำคัญซึ่งอาจทำให้คนอีกหลายๆคนตัดใจเปลี่ยนแปลงเรื่องกันไปก่อนอย่างไรก็แล้วแต่ความน่าสนใจของ Aftermath คือบทหักมุมที่ชี้แจงการปรากฏแปลกในบ้านข้างหลังนี้ แม้ว่าจะไม่ใช่เรื่องใหม่แต่มันก็เพียงพอจะก่อให้คำโปรยของหนังที่ว่า “ดัดแปลงมาจากความจริง” ดูน่าดึงดูดรวมทั้งเชิญชวนขนหัวลุกได้มากขึ้นไม่น้อยเลยทีเดียว

ขุด Netflix มารีวิว Beckett เวลาคนดวงดวงไม่ดี

อะไรก็ช่วยไม่ได้ถ้าจะมีหนังสักเรื่องที่ดูเหมือนจะใกล้ตัวและเหมือนหนึ่งว่ากำลังเกิดขึ้นในประเทศไหนสักประเทศในโลกนี้ Beckett น่าจะเป็นหนังที่มองใกล้เคียงความเป็นจริงอยู่ไม่น้อย เมื่อเบ็คเกตต์ (จอห์น เดวิด วอชิงตัน) และก็เอพริล (อลิเซีย วิแกนเดอร์) คู่ครองที่ตัดสินใจเดินทางไปพักร้อนที่เอเธนส์ ประเทศกรีซ กลางทางกำลังเดินทางกลับโฮเต็ลในค่ำคืน ด้วยความง่วงทำให้เบ็คเกตต์เกิดหลับในและทำให้รถยนต์ที่เขาขับพุ่งตกลงไปยังเหวตื้นจนถึงพุ่งชนบ้านร้างข้างหลังหนึ่ง

ระหว่างที่กำลังขอคืนสติกลับคืนมา เขาชำเลืองไปเห็นเด็กชายทีท่าตกใจ เมื่อเขาบากบั่นคลานไปหาเอพริลที่จมกองเลือด เบ็คเกตต์กำเนิดอาการหมดสติไปภายหลังที่เบ็คเกตต์ฟื้นขึ้นมาในโรงหมอ เขาถูกตำรวจสอบปากคำ แต่ว่าหลังจากพยายามเดินทางกลับไปยังที่เกิดเหตุ เบ็คเกตต์ถูกตำรวจยิง วินาทีนั้นเองเขาเริ่มฉุกคิดได้ว่าหนทางเดียวที่ตนเองจะมีชีวิตรอดเป็นการเดินทางไปยังสถานทูตอเมริกา

แม้กระนั้นกลางทางอันแสนยาวไกล เขาถูกตามล่าจากผู้รักษากฎหมายอย่าง “ตำรวจ” อย่างไม่ลดละ ทำให้เขาเริ่มสงสัยว่าตกลงแล้วกำเนิดอะไรสังกัดตัวเขาเองกันแน่เรื่องราวที่เกิดขึ้นใน Beckett อยู่ในหมวดหนังคนโชคไม่ดีๆที่ดันไปอยู่ผิดที่ผิดทาง โดยกลางทางที่เขาบากบั่นจะเอาชีวิตรอด เบ็คเกตต์ (และก็ผู้ชม) จะเริ่มปะติดปะต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้โอกาสละเล็กว่า ที่จริงแล้วการถูกไล่ล่านั้นเกิดขึ้นด้วยเหตุว่า

การที่ตัวละครที่เป็นตัวละครเอกดันไปมองเห็นในสิ่งที่เขาไม่ควรจะเห็น ด้วยการที่ผู้แสดงอย่างเบ็คเกตต์เองเป็นเพียงแต่นักท่องเที่ยวธรรมดาๆทำให้วิธีการเอาชีวิตรอดในหนังประเด็นนี้ก็เลยมีความค่อยเป็นค่อยไปมีการเปิดเผยจุดสำคัญของเรื่องเมื่อเหตุการณ์เริ่มทวีความรุนแรงเข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆ เบ็คเกตต์ก็เริ่มจะจะต้องรวบรวมสติในการคลี่คลายสิ่งที่เขาจำเป็นต้องพบเจอได้อย่างมิได้มีความรู้สึกว่าน่าขัดอกขัดใจสำหรับผู้ชม

แต่สิ่งที่น่าสนใจที่สุดของเรื่องเป็นการที่หนังดำเนินไปแล้วสักระยะ ดู How I Became a Superhero (2021) ทำให้พวกเรารับรู้ว่าความโชคร้ายของตัวนำนั้นดันเกี่ยวโยงกับประเด็นการเมืองที่กำลังคุกกรุ่นและกำลังจะเกิดการเปลี่ยนผ่านอำนาจ จนถึงทำให้เกิดเหตุการณ์ลักพาตัวลูกชายนักการเมืองแบบที่เราได้มองเห็นกันถึงแม้ว่าเรื่องการเมืองในหนังจะมิได้ถูกนำมาขยี้ให้กลายเป็นหัวข้อหลัก แม้กระนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นจนเปลี่ยนเป็นความยุ่งเหยิงทำให้พวกเราได้เห็นว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในประเด็นนั้น

ตามที่จริงแล้วตัวละครอย่างเบ็คเกตต์รวมทั้งเอพริลนั้นจริงๆอาจจะเป็นแค่เบี้ยตัวหนึ่งที่กลายมาเป็นตัวละครพลิกเกมทางด้านการเมืองท้องถิ่น (รวมทั้งการบ้านการเมืองระดับประเทศ) ซึ่งแม้ว่าจะมิได้รับคำชี้แจงอย่างจะๆแต่ว่าคนดูก็เพียงพอจะทำความเข้าใจได้ว่า ไม่ว่าจะจบทางไหน คนอย่างเบ็คเกตต์ก็ไม่เคย “มีตอนจบ” ที่สุขสม แฮปปี้เอนดิ้งเสมอไป แม้ว่าเขาจะเลือกเป็น “พระเอก” ตามประสาอเมริกันวีรบุรุษตามที

กลับสู่หน้าหลัก https://www.boycottford.com/